หากใครที่เคยเดินทางไปในพื้นที่แถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือก็จะพบเห็น “ต้นยูคาลิปตัส” ปลูกเอาไว้อย่างเรียงรายอยู่เต็มไปหมด โดยมักจะปลูกเรียงกันเป็นแถวยาว ลำต้นสูงใหญ่ ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนเลยว่าลำต้นที่เป็นสีขาว และส่วนของเรือนยอดที่พลัดไสวเมื่อต้องลมนั้น เป็นจุดสังเกตว่านั่นคือยูคาลิปตัสอย่างแน่นอน ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็จะเลี้ยงต้นไม้ชนิดนี้เอาไว้สำหรับขายเนื้อเยื่อของมันนั้นเอง วันนี้บทความของเราก็ได้นำความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับต้นไม้ชนิดนี้ ทั้งเรื่องสายพันธุ์ สรรพคุณและข้อดีข้อเสียมาฝากทุกท่านกันค่ะ
เรื่องน่ารู้ ของ ต้นยูคาลิปตัส ที่คุณนั้นก็อาจไม่รู้
ยูคาลิปตัส หรือที่ชาวบ้านส่วนใหญ่มักเรียกกันว่าต้นยูคา มีถิ่นกำเนิดในทวีชออสเตรเลีย โดยต้นไม้ชนิดนี้จะเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ โดยจะมีความสูงอยู่ที่ 10-25 เมตร ลำต้นเปลาตรงสีขาวขุ่น เนื้อแดง บริเวณเรือนยอดจะเป็นทรงพุ่มที่มีความหนาทึบ จัดเนพืชใบเลี้ยงเดี่ยว ออกดอกเป็นช่อ ๆ โดยจะอยู่ตามข้อต่อระหว่างกิ่งกับใบ ซึ่งเป็นหนึ่งในต้นไม้ที่มีความแข็งแรงและคงทนสามารถอยู่ได้ในทุกสภาพอากาศ อีกทั้งยังมีรากที่สามารถแผ่ขยายได้อย่างรวดเร็วและหลั่งลงดินได้ในระดับลึก
ต้นยูคาลิปตัสนั้นมีมากกว่า 700 สายพันธุ์แต่สายพันธุ์ที่เป็นที่นิยมนั้นจะมีอยู่ด้วยกัน 3 สายพันธุ์ นั่นก็คือ
1. ยูคาลิปตัส สายพันธุ์ K7
ต้นยูคาสายพันธุ์นี้จะมีลักษณะของกล้าไม้นั้นจะเป็นลำต้นตั้งตรง มีความเหลี่ยมในระดับเล็กน้อย ออกเป็นสีชมูหรือสีแดงออกน้ำตาล ใบใหญ่ ปลายแหลม ในบริเวณขอบใบจะมีความเป็นคลื่น และเมื่อลำต้นโตขึ้นก็จะเป็นลำต้นที่ตรงกิ่งห่างขนาดกลาง ทรงพุ่มกว้าง ใบหนาทึบ โตได้ดีในดินร่วน ดินเหนียว หรือดินปนทราย และชอบอยู่ในที่ที่มีการระบายน้ำได้ดี
2. ยูคาลิปตัส สายพันธุ์ K62
ต้นยูคาสายพันธุ์นี้จะไม้กล้าที่เป็นลำต้นตั้งตรง เป็นเหลี่ยม ยอดสีน้ำตาล ฐานใบกว้างขนาดกลาง ปลายใบจะแหลมและขอบใบจะเรียบ ต่างกับสายพันธุ์ K7 ที่ขอบใบจะมีลักษณะเป็นคลื่น ๆ เมื่อลำต้นโตจะมีลักษณะของลำต้นที่โตและกลม มีเปลือกเป็นสีน้ำตาล กิ่งนั้นเล็กและถี่ เป็นทรงพุ่มกว้างและมีใบหนาทึบ ซึ่งสายพันธุ์นี้เป็นสายพันธุ์ที่น้ำหนักดี และเติบโตได้ดีในดินเหนียวปนทรายหรือดินร่วนปนทราย ไม่ควรปลูกในที่ที่มีน้ำขังหรือพื้นที่ที่มีหน้าดินตื้น เพราะจะทำให้ต้นไม้ขาดน้ำ
3. ยูคาลิปตัส สายพันธุ์ K58
ต้นยูคาสายพันธุ์นี้จะมีไม้กล้าที่ลำต้นตรงและกลมมียอดใบเป็นสีแดงอมน้ำตาล ฐานใบกว้าง ปลายใบแหลมและขอบใบเรียบ เมื่อลำต้นโตขึ้นลำต้นก็จะมีลักษณะเปลาตรง กลม มีเปลือกสีน้ำตาล กิ่งเล็กแตกแขนงได้มาก เป็นทรงพุ่มกว้าง ใบแน่นหนาทึบ คลุมหญ้าได้ดี เติบโตได้ดีในดินร่วน ดินร่วนปนทราย และดินเหนียวปนทราย ไม่ควรปลูกในที่ที่มีน้ำขังเพราะต้นไม้อาจขาดน้ำและทำให้ลำต้นแตกเมื่อเข้าหน้าแล้งได้
ซึ่งต้นยูคาลิปตัสทั้ง 3 สายพันธุ์นี้ก็เป็นสายพันธุ์ที่เกษตรกรส่วนใหญ่เลือกปลูก เนื่องจากจะทำให้ได้ยูคาเนื้อดีที่สามารถนำไปขายต่อเพื่อแปรรูปเป็นวัสดุเครื่องใช้รวมถึงยาต่าง ๆ ได้ โดยเราก็ได้สรุปทั้งสรรพคุณประโยชน์และข้อเสียของต้นยูคาลิปตัสมาให้ทุกท่านได้รู้กัน ซึ่งก็มีดังนี้
ประโยชน์และสรรพคุณต้นยูคาลิปตัส
1. ใบของต้นยูคาลิปตัสจะมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ซึ่งจะช่วยป้องกันในเรื่องของภาวะอนุมูลอิสระเสียหาย ป้องกันการเกิดโรคมะเร็งและสมองเสื่อม และช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคหัวใจได้ถึง 18% อีกทั้งยังมีสรรพคุณในการช่วยให้ฟันแข็งแรง โดยเรามักจะสังเกตได้จากการที่ผลิตภัณฑ์น้ำยาบ้วนปากนั้นจะมีส่วนผสมของยูคาลิปตัสอยู่ด้วย
2. น้ำมันยูคาลิปตัสจะช่วยบรรเทาอาการหวัด ภูมิแพ้และหอบหืดได้เป็นอย่างดี ซึ่งในทางการแพทย์ก็ได้นำเอาต้นยูคาลิปตัสนี้ไปสกัดเป็นยาเพื่อรักษาอาการของผู้ป่วยที่เกิดขึ้นเหล่านี้อีกด้วย อีกทั้งยังช่วยบรรเทาอาการไอเรื้องรังหรืออาการไอถี่ ๆ ลดอาการคัดจมูกและมีน้ำมูกไหล บรรเทาอาการปวดศีรษะ
3. ยูคาลิปตัสช่วยรักษาอาการผิวแห้ง โดยเฉพาะในโรคสะเก็ดเงินที่จะเห็นได้ชัดถึงความผิวแห้งและเป็นสะเก็ดขึ้นได้อย่างชัดเจน ซึ่งนั่นก็เป็นผลมาจากการที่ผิวหนังของเรามีเซราไมด์ต่ำ แต่ยูคาลิปตัวนั้นเมื่อนำมาสกัดแล้วพบว่ามีเซราไมด์สูงเมื่อนำมาใช้ทาภายนอกแล้วจึงทำให้ผิวหนังที่แห้งลอกนั้นดีขึ้นได้เป็นอย่างมาก
ข้อเสีย ต้นยูคาลิปตัส
ต้นยูคาลิปตัสเป็นต้นไม้ที่มีรากขึ้นแข่งกัน จึงทำให้เกิดการเลื้อยของรากสามารถแผ่ขยายไปยังต้นไม้ชนิดอื่น ๆ อีกทั้งหากมีสภาพความชื้นที่ต่ำก็จะทำให้การเจริญเติบโตของพืชเกิดการชะงัก
และนี่ก็คือเรื่องราวน่ารู้ของต้นยูคาลิปตัสที่เชื่อว่าจะต้องเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เข้ามาอ่านและหากใครที่อยากปลูกต้นไม้ชนิดนี้ก็ควรศึกษาข้อมูลในการปลูกดี ๆ เพราะต้นยูคาลิปตัวนั้นก็มีประโยชน์ที่มากมายไม่แพ้กับต้นไม้ชนิดอื่น ๆ เลยล่ะค่ะ
Credit : https://www.technologychaoban.com/