สมัยเรียนประถมเชื่อว่าทุกคนก็คงจะเคยเรียนวิทยาศาสตร์เรื่องของการตอบสนองต่อสิ่งเร้าของพืช ซึ่งต้นไม้ที่จะนำมาใช้เป็นตัวอย่างอยู่ตลอด ๆ นั้นก็คงจะหนีไม่พ้นต้นไมยราบอย่างแน่นอ เพราะต้นไมยราบนี้ก็เป็นต้นไม้ที่หากเรานำมือไปแยะเขาใบของเขาก็จะมีการหุบตัวไปอย่างรวดเร็วนั่นเอง และวันนี้บทความของเราก็มีความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับต้นไมยราบยักษ์ อีกหนึ่งสายพันธุ์ของต้นไมยราบที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก มาให้ทุก ๆ ท่านได้รู้จักกัน ว่าเขาคืออะไร และมีสรรพคุณรวมถึงข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง
ไมยราบยักษ์ คืออะไร สรรพคุณและข้อดีข้อเสียเป็นอย่างไร มาดูกัน
ไมยราบยักษ์ เป็นพืชที่อยู่ในแถบอเมริกากลางและทางตอนเหนือของประเทศโคลัมเบียและเวเนซุเอลา ซึ่งภายหลังก็ได้แพร่กระจายไปในหลาย ๆ ประเทศ รวมถึงประเทศไทยของเราเองก็เช่นเดียวกัน ซึ่งต้นไมยราบยักษ์นั้นก็จัดเป็นไม้พุ่ม ขนาดกลาง ที่มีความสูงของลำต้นอยู่ที่ประมาณ 1-3 เมตร บริเวณของลำต้นก็จะมีหนามอยู่ทั่วลำต้น รวมไปถึงบริเวณกิ่งด้วย เป็นต้นไม้ที่มีลำต้นแข็งแรง มีความเหนียวและมีเนื้อแข็ง พบได้มากในพื้นที่เขตร้อน และที่รกร้างทั่วไป
ใบของไมยราบยักษ์นั้นก็จะมีใบประกอบ 3 ชั้น และยังมีใบประกอบเป็นคู่ ๆ ประมาณ 6-14 คู่ และแต่ละใบประกอบก็ยังมีใบประกอบย่อยอยู่อีกประมาณ 15-40 คู่ ใบมีสีเขียวอ่อน ใบมีความมน มีขนปกคลุมที่หลังใบ ท้องใบเรียบ ออกดอกเป็นช่อ ออกตามยอดและตามซอกใบ ออกดอกเป็นช่อหรือเป็นกระจุก มีสีชมพูอ่อน เป็นลักษณะกลม ๆ มีกลีบเลี้ยงเป็นเส้น ๆ ปลายกลีบแตกเป็นฝอย และกลีบดอกก็จะรวมกันเป็นหลอด ออกผลเป็นฝัก มีรูปร่างแบนและโค้งงอ ซึ่งช่อดอกหนึ่งก็จะติดผลอยู่ประมาณ 3-16 ฝัก เมื่อฝักแก่แล้วก็จะเป็นสีน้ำตาลปนดำ
ซึ่งสรรพคุณของต้นไมยราบนั้นก็มีอยู่มากมาย เช่น
- ส่วนของใบและส่วนต้นสามารถใช้นำมาต้มดื่มเป็นยาบำรุงร่างกาย
- ลำต้นที่มีรสเฝื่อน ๆ สามารถนำมาต้มเป็นยาแก้ไอได้
- บริเวณลำต้นสามารถใช้เป็นยาขับเสมหะได้
- ส่วนของใบสามารถใช้ต้มดื่มเป็นยาแก้บิดได้
- แพทย์ทางฝั่งอีสานมักใช้ทั้งต้นนพมาแตกแห้งและนำไปคั่วกับไฟ เมื่อใช้เป็นยาแก้เกี่ยวกับเรื่องของระบบทางเดินปัสสาวะ
- ใบ สามารถใช้เป็นยารักษาแผลเรื้องรังหรือแผลที่เป็นหนองได้ โดยวิธีการตำ
- ส่วนของต้นสามารถนำมาต้มแก้ปวดเมื่อยตามร่างกายได้
- ทั้งต้นสามารถนำมาต้มดื่มเพื่อแกโรคปวดหลังได้
ซึ่งนี่ก็เป็นสรรพคุณที่เล่าต่อ ๆ กันมาว่าสามารถที่จะใช้แก้อาการต่าง ๆ ได้ แต่ในด้านวิทยาศาสตร์นั้นก็ถือว่าต้นไมยราบเป็นวัชพืช ซึ่งในช่วงที่เข้ามาในไทยแรก ๆ นั้น ก็มีการปลูกใช้เป็นพืชคลุมดิน แต่เนื่องจากเรื่องของการแพร่กระจายที่สามารถแพร่ออกไปได้เร็วมาก ทำให้เกิดการที่จะต้องกำจัดมากยิ่งขึ้น เพราะมันเป็นวัชพืชที่ไม่ได้เป็นผลดีต่อต้นไม้หลาย ๆ ชนิด จึงสามารรถพบต้นไม้ชนิดนี้ได้ตามพื้นที่ที่มีอากาศร้อนและเป็นที่ที่รกร้างนั่นเอง
ในเรื่องของประโยชน์ของต้นไมยราบนั้นก็มีอยู่มากมายเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ
- ช่วยป้องกันการชะล้างของหน้าดิน และช่วยป้องกันการพังทลายของห้าดิน จึงนิยมมาใช้เป็นพืชปลูกคลุมดิน
- เป็นพืชที่ช่วยให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์ เพราะสามารถตรึงไนโตรเจนในดินเอาไว้ได้ ทำให้ดินได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน
- เป็นอาหารของสัตว์
- ส่วนของลำต้นนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลายเนื่องจากมีความเหนียวและเป็นไม้เนื้อแข็ง อย่างการนำมาทำรั้ว หรือการนำมาทำฟืนก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน
- สามารถนำไมยราบมาทำเป็นเป็นถ่านอัดแท่งซึ่งก็จะประหยัดการใช้ถ่านธรรมดาทั่วไปที่ขายอยู่ตามท้องตลาดได้มากกว่า ซึ่งก็มีการทดสอบมาแล้วว่าการใช้ถ่ายอัดแท่งจากไมยราบนั้นสามารถประหยัดพลังงานได้มากกว่าถ่านธรรมดาถึง 3 ส่วนเลยทีเดียว
แล้วการที่ไมยราบนั้นเป็นวัชพืชทำไมยังคงหลงเหลืออยู่ใหลาย ๆ ประเทศมีใครเคยสงสัยในเรื่องนี้หรือไม่คะ ซึ่งในปี 2490 ประเทศไทยของเราก็ได้นำเอาต้นไมยราบยักษ์นี้มาจากประเทศอินโดนีเซีย เพื่อนำมาใช้ในการปลูกเป็นพืชคลุมดินบริเวณไร่ยาสูบ ซึ่งก็สามารถเข้ากับสภาพอากาศของบ้านเราได้เป็นอย่างดี แต่ไม่นานต้นไมยราบยักษ์ก็เกิดการแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วมาก ๆ จนเกือบทั้งประเทศ จึงต้องมีมาตรการในการกำจัดต้นไมยราบด้วยการถางหรือการเผาเพราะมันเป็นวัชพืชที่เป็นอันตรายต่อต้นไม้บางชนิดนั่นเอง แต่ที่ยังคงปลูกกันอยู่ก็เพราะยังมีความเชื่อเรื่องของประโยชน์และสรรคุณอยู่เป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะทางภาคอีสาน
และนี่ก็คือที่มาของต้นไมยราบยักษ์ที่ถึงแม้จะเป็นเพียงวัชพืช แต่ก็เป็นวัชพืชที่มีทั้งประโยชน์และข้อดีมากมาย ทำให้สามารถเป็นตัวช่วยที่ดีในการทำกิจกรรมบางอย่างได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญขนาดของใบของเขาก็จะมีความใหญ่กว่าต้นไมยราบแบบธรรมดาอยู่พอสมควร อีกทั้งตัวดอกก็ยังมีความสวยงาม อย่างไรก็ตามเรื่องของสรรพคุณทางยานั้นก็เป็นเรื่องที่ควรศึกษาให้ดีเสียก่อนเพื่อความปลอดภัยนั่นเอง
เครดิตรูปภาพ
อ่านต่อที่ 7 ต้นไม้มงคล ปลูกแล้วรวย ที่สายมูไม่ควรพลาด 2022