เคยได้ยินชื่อต้นโคลงเคลงกันหรือไม่คะ หรือไม่ก็ต้นสำเหร่ ซึ่งทั้งสองชื่อนี้ต่างก็เป็นต้นไม้ชนิดเดียวกันค่ะ แต่หากจะพูดถึงเรื่องของต้นตอและที่มานั้นบอกเลยว่าค่อนข้างยาวเลยทีเดียว อีกทั้งยังเป็นต้นไม้ที่ยังสามารถหาชมได้ในปัจจุบันได้ไม่ยากนัก และที่สำคัญความสวยงามของดอกที่ถูกเรียกว่า “ม่วงมงคล” นั้น ก็เพิ่มเสน่ห์ให้กับต้นสำเหร่นี้ได้เป็นอย่างมากเลยทีเดียวค่ะ และวันนี้บทความของเราก็มีความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับต้นไม้ชนิดนี้มาแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักกันค่ะ
ทำไมเรียกต้นโคลงเคลงว่าสำเหร่ มีเรื่องราวที่ชวนรู้
ต้นสำเหร่นั้น เป็นต้นไม้ที่หากจะรู้เรื่องราวของเขานั้นก็จะต้องย้อนกลับไปถึง 51 ปี กันเลยทีเดียว ซึ่งในตอนนั้นก็เป็นปี พ.ศ.2514 โดยในจังหวัดธนบุรีในสมัยนั้นจะมีทุ่งที่เต็มไปด้วยดอกไม้สีม่วงอยู่เต็มทุ่ง และหลังจากนั้นในปี พ.ศ.2515 ซึ่งเป็นตอนที่กรุงเทพมหานครนั้นได้กำเนิดแล้วค่ะ อีกทั้งยังได้รวมเอาจังหวัดธรบุรีเข้ารวมกันไปจนเกิดเป็นกรุงเทพมหานครนั่นเอง ซึ่งในตอนนั้นเองที่มีวัดถือกำเนิดขึ้น โดยเขาก็ได้ตั้งชื่อวัดตามชื่อดอกไม้ชั้นว่า “วัดสำเหร่” ที่ในปัจจุบัน ได้เปลี่ยนชื่อวัดมาเป็น “วัดราชวรินทร์” ที่หลาย ๆ คนได้รู้จักนั่นเอง ซึ่งวัดแห่งนี้เขาก็ตั้งอยู่แถวฝั่งธนบุรีค่ะ โดยอยู่ติดกับคลองน้ำสำเหร่ ซอยพระตากสิน 21
ซึ่งในตินนั้นที่แถวฝั่งธนที่มีต้นไม้ชนินี้อยู่เต็มทุ่งกว้างนั้น ก็ได้รับความสนใจจากผู้คนมากมาย ซึ่งในปัจจุบันในย่านนั้นก็ถูกเรียกว่าย่านสำเหร่นั่นแหละค่ะ อย่างที่เรารู้ ๆ กัน โดยเฉพาะตลาดสำเหร่ที่เป็นที่ถูกใจของใครหลาย ๆ คน ในการไปเดินเล่นและหาของอร่อยทานกัน และก่อนที่เขาจะกลายมาเป็นโคลงเคลงนั้นก็ยังไม่มีเรื่องของที่มาที่แน่ชัดเสียเท่าไหร่ เพราะเส่วนใหญ่แล้วมีคนที่เรียกสำเหร่เป็นโคลงเคลงอยาบ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็น โคลงเคลงขน , โคลงเคลงแคระ , หรือจะเป็นโคลงเคลงขี้นก
และชื่อที่เรียกได้ว่าเป็นชื่อที่ดีมาก ๆ ที่หลาย ๆ คนเรียกนั้นก็คือ “ม่วงมงคล” ค่ะ แต่ชื่อที่หากเรียกไปแล้วบอกเลยว่าคุณจะผิดเต็ม ๆ นั้นก็คือ “โคลงเคลงยักษ์” เพราะเขาเป็นต้นไม้คนละชนิดกันเลยนั่นเอง ดังนั้นจึงไม่ควรเหมารวมเอามาเรียกเป็นชื่อเดียวกันค่ะ อย่างไรก็ตามหากจะเรียกให้ถูกต้องจริง ๆ นั้น ต้นไม้ชนิดนี้เขาก็คือต้นสำเหร่อยู่ดีค่ะ ซึ่งต้นสำเหร่นั้น จะเป็นต้นไม้ที่มีลักษณะเป็นไม้ล้มลุกที่ที่เป็นพุ่มสูงเพียง 1-2 เมตรเท่านั้นค่ะ ซึ่งดอกของเขาก็จะมีสีม่วงอมชมพูหรือเป็นสีม่วงล้วน ที่ออกดอกมาได้อย่างสวยงาม
ซึ่งดอกของเขานั้นเมื่อเป็นดอกแก่ก็สามารถที่จะนำมาประกอบอาหารทานได้อีกด้วยค่ะ อีกทั้งดอกไม้ชนิดนี้ก็ยังถูกนำไปใช้แปรรูปเป็นสินค้า OTOP มาแล้วด้วย โดยเขาก็ได้นำเอาดอกของต้นโคลงเคลงนี้มาทำเป็นไวน์ที่มีสีม่วงสวยน่าดื่มเชียว อีกทั้งดอกของเขาก็ยังมีฤทธิ์เป็นยาที่สามารถระงับประสาทได้อีกด้วย แถมส่วนอื่น ๆ ของลำต้นนั้นก็ยังสามารถที่จะใช้เป็นสมุนไพรได้อีก ไม่ว่าจะเป็นบริเวณรากที่สามารถบำรุงร่างกาย ดับพิษไข้ และแก้ร้อนในได้เป็นอย่างดี หรือจะเป็นส่วนของใบที่สามารถนำมาคั้นเป็นน้ำยากลั้วคอที่สามารถฆ่าเชื้อโรคในลำคอได้อีกทั้งยังสามารถแก้ท้องร่วงรักษาแผลจากไฟไหม้ได้ดีอีกด้วย
ซึ่งข้อดีของการปลูกดอกสำเหร่นี้เอาไว้นั้นก็คือเรื่องของการออกดอกค่ะ ที่หากใครเป็นคนที่ชอบดอกไม้เป็นทุนเดิมอยู่แล้วนั้น คือเหมาะมากที่จะปลูกต้นสำเหร่ค่ะ เนื่องจากเรื่องของการออกดอกของเขานั้นสามารถออกดอกได้แบบทั้งปีเลยทีเดียว จึงทำให้เราเห็นดอกของเขาขึ้นมาอยู่ตลอด ๆ นั่นเอง อีกทั้งในดอกที่มีความสวยงามนี้ก็เป็นที่ดึงดูดสายตาให้แก่ผู้ที่พบเห็นได้เป็นอย่างมากเลยทีเดียว
และในชื่อของโคลงคลงนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้เลยค่ะว่าเขาเป็นชื่อที่คนเรียกกันจนติดปาก ซึ่งหากจะเรียกให้ถูกจริง ๆ ก็ควรจะเรียกว่าสำเหร่นั่นแหละค่ะ เพราะอย่างที่เราทราบกันไปแล้วว่าเขามีฉายาว่า “ม่วงมงคล” ซึ่งมีความเป็นมงคลมาก ๆ แต่เมื่อเรียกเขาว่าโคลงเคลง ดูแล้วความมงคลดูจะลดลงไปเพราะคำว่าโคลงเคลงนั้นเป็นคำที่มีความหมายในเชิงลบ ซึ่งก็จะเกี่ยวข้องกับความอ่อนไหวหรือความไม่เที่ยงตรงนั่นเอง
และนี่ก็คือเรื่องที่น่ารู้เกี่ยวกับต้นสำเหร่ที่เราได้นำมาแชร์ให้ทุกท่านได้อ่านกันค่ะ ซึ่งต้นไม้ชนิดนี้นั้นรียกได้ว่าเป็นสาวสวยฝั่งธนในสมัยนั้นเลยก็ว่าได้ ด้วยความที่ในตอนนั้นมีแต่ทุ่งนาที่เต็มไปด้วยดอกสีม่วงเหล่านี้เต็มไปหมด จึงทำให้เขาได้รับความนิยมในสมัยนั้นได้เป็นอย่างมากนั่นเอง เพราะฉะนั้นต้นไม้ชนิดนี้จึงเป็นตัวแทนของความสวยงาม และยังสามารถหาชมได้ทั่วทุกภาคในประเทศไทย อีกทั้งยังสามารถหาซื้อมาปลูกได้ง่ายอีกด้วยค่ะ
https://www.technologychaoban.com/
อ่านต่อที่ ต้นไม้มงคล